ถ้าพูดถึงคำว่า Drag Racing ก็คงพอเดาๆกันได้ ว่าอาจจะหมายถึง การแข่งขันรถยนต์ซักประเภทหนึ่ง แต่กฎ กติกา หรือ รถยนต์ในการแข่งขันนั้น ต้องเป็นอย่างไร ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา เรามาคลายความสงสัยกันก่อน ว่าการแข่งรถ มันเริ่มครั้งแรกที่ไหน ทำไมโลกใบนี้ถึงได้มีการแข่งขันรถยนต์เกิดขึ้นมา อะไรคือแรงบันดาลใจให้เกิดกิจกรรมหรือการแข่งขันขึ้นมา 

การแข่งรถครั้งแรกของโลก ตามหลักฐานที่จดบันทึกเอาไว้ เป็นการแข่งรถในเส้นทางระหว่างกรุงปารีสกับเมืองรูอ็อง ของฝรั่งเศส เมื่อปี 2437 งานนี้ ผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดในการแข่งขันก็คือท่านเค้าท์จูลส์ อัลแบร์ต เดอ ดิญง หากแต่ผู้คว้ารางวัลใหญ่ในการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ของโลกก็คือ อัลแบร์ต เลอเมตร์ ที่ขับรถ Peugeot Type 7 เครื่องยนต์น้ำมันที่ให้กำลัง 3 แรงม้า

การแข่งขันรถคันแรกที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาคือ “Vanderbilt Cup” ในปี 1904 ซึ่งเป็นการแข่งขันรถบนถนนครั้งแรกในอเมริกา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแข่งขันรถยนต์ได้รับความนิยม และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการแข่งขันระดับโลกเช่น “224 Hours of Le Mans” ที่เริ่มจัดขึ้นในปี 1923 และการแข่งขันฟอร์มูลาวันที่เริ่มในปี 1950 ทั้งนี้การแข่งขันรถยนต์ได้เป็นเหตุผลที่สำคัญในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีในรถยนต์ และได้สร้างความสนุก และความตื่นเต้น ให้แก่ผู้ชม และนักแข่งขันรถยนต์ทั่วโลกตลอดเวลาและยังเป็นส่วนสำคัญ ของอุตสาหกรรมออโต้โมบิลในปัจจุบันด้วย

 

แล้วประวัติศาสตร์ชาติ Drag เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

 

การแข่งขัน Drag Car จริงๆ แล้วถ้าแปลแบบตรงตัวคำว่า Drag Car จะแปลได้ว่าเป็นการ “ลากรถ” นั่นเอง การแข่งขัน Drag Car ในยุคแรกๆนั่น อาจจะเอารถที่เป็นรถลากสิ่งของ มาทำการแข่งขันกัน การวิ่งแข่งรถแดร็กเกิดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อประมาณปีค.ศ. 1930 ซึ่งในยุคนั้น ก็มีการใช้รถเพื่อการพาณิชย์ ใช้รถในชีวิตประจำวัน การขับรถใช้งานก็จะมีการขับเร็วบ้าง แซงกันบางซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปรกติของการใช้รถ 

ใช้ถนน จนคนใช้รถบางกลุ่มที่ คิดว่าตัวเองขับรถเร็วอยู่แล้วจึงมาเจอกัน มาจับกลุ่มกันและประลองความเร็วกัน โดยสถานที่แข่งในยุคนั้นก็หนีไม่พ้นพื้นที่ในทะเสสาปที่แห้งคอด เพราะจะได้ไม่ไปกวนคนอื่นที่ใช้รถอยู่แล้ว โดยรถในสมัยนั้นสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว แต่พอหลัง จากสงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้น ทำให้การขับรถแดร็กก็เงียบหายไป คนไม่ค่อยให้ความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็มาถึงทุกวันนี้ก็ไม่ได้เงียบหายไป แต่ความนิยมก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ

ซึ่งการแข่งขันส่วนใหญ่จะไปแข่งขันกันที่รันเวย์ของกองทัพทหารที่เลิกใช้งานในช่วงสงครามโลกไปแล้ว ซึ่งจัดแข่งขันขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้งในปี 1949 ที่ฐานทัพอากาศโกลตา ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งการแข่งขันในตอนนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมาก ไม่มีไฟสัญญาณในการปล่อยตัว ไม่มีระยะเวลาให้ดูตอนเข้าเส้นชัย ระยะทางในการแข่งขันตอนนั้นก็ประมาณ ¼ ไมล์ ซึ่งเป็นความยาวของบล็อคเมืองในขณะนั้น ในส่วนของเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีเป็นลายลักษณ์ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของนักแข่งเองในระหว่างที่แข่งขัน ส่วนคนดูก็ยืนดูตามความเหมาะสม เพราะในสมัยนั้น ยังไม่มีอัศจรรย์ให้คนดูได้นั่งดูและนั่งชมกัน  

จึงได้เปลี่ยนการออกตัวมาเป็นแบบใช้สัญญาณไฟในการออกตัว เนื่องจากยุคหลังๆ ของรถแข่งแดร็กนั้นจะมีขนาดของรถที่ไม่เท่ากัน เพราะรุ่นที่ใช้ในการแข่งขันมากขึ้น รถแข่งแต่ละคัน ก็จะมีความยาว ความสั้น ไม่เท่ากัน บางคันรถแคบแต่ยาว บางคันกว้างแต่สั้น ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนการออกตัว เป็นแบบดูสัญญาณไฟ 

และการเข้าเส้นชัยแบบตัดสัญญาณ เป็นตัวบอกว่าใครเข้าเส้นชัยก่อน ซึ่งเรียกตัวสัญญาณไฟปล่อยตัวนี้ว่า The Christmas Tree Counting Down การทำงานก็จะเหมือนกับสัญญาณไฟในยุคปัจจุบันที่เราๆ เห็นกัน ถ้ารถเข้าจุดตามที่ต้องการ สัญญาณไฟ 2 ดวงบนจะติดค้าง ก่อนที่ไฟส้มจะติดสามดวงไล่ลงมา ก่อนจะมาถึงสัญญาณไฟเขียวเป็นการปล่อยตัวให้รถวิ่งไปข้างหน้า เและในยุค 1970 นี้เองก็มีกติกาการเบิร์นยาง

ออกมา โดยก่อนที่จะทำการออกตัวก็จะ มีตำแหน่งในการเบิร์นยางให้อุณหภูมิของยางร้อนถึงจุดที่ใช้งานและทำให้เกาะถนนมากขึ้น ก่อนที่จะทำการแข่งขันต่อไป 

 

นอกจาก Drag Racing แล้ว การแข่งขันรถยนต์ในปัจจุบัน มีกี่ประเภท ?

 

การแข่งเซอร์กิต

 

การแข่งประเภทนี้ จะมีหลากหลายรายการ แยกย่อยและเป็นที่นิยมกันทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยซึ่งนิยามของการแข่งขันแบบเซอร์กิต  คือแข่งขันรถยนต์บนทางเรียบ ที่มีทั้งทางตรงและทางโค้ง มีจุด Pit สำหรับเปลี่ยนยาง/เติมเชื้อเพลิงแข่งขันกันในสนามปิด มีจุดสตาร์ท และเส้นชัย โดยรายการแข่งขันที่น่าจะคุ้นหูมากที่สุดคือแข่งรถ F1 การแข่งรถ NASCAR หรือบ้านเราก็จะมีรายการ Thailand Super Series หรือ One Make Race

รายการแข่งรถยนต์ทางเรียบบนถนนปิด ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการขับขี่รถยนต์ รวมถึงใช้ไหวพริบทักษะเฉพาะตัวการเข้าโค้ง การเหยียบเบรค เร่งแซง ทำเวลาต่อรอบให้เร็วที่สุดและบริหารจัดการยาง/น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่าที่สุด

การแข่งดริฟต์

 

เป็นการแข่งขันที่ไม่เน้นความแรงบนทางตรงและการไปให้ถึงเส้นชัยเป็นอันดับแรก แต่ผลแพ้ชนะจะตัดสินกันที่การเข้าโค้งอย่างสวยงาม ลูกเล่นต่าง ๆ มุมองศาไลน์เข้าโค้งหรือความเร็วตอนเข้าโค้งนั่นเอง ฉะนั้นหัวใจหลักของการดริฟต์คื อการเข้าโค้ง โดยการให้รถเกิดอาการท้ายปัดหรือเรียกว่าโอเวอร์สเตียร์โดยที่ผู้ขับจะต้องเลี้ยงความเร็วให้คงที่และควบคุมไม่ให้รถหลุดออกจากโค้ง

เป็นการแข่งขันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง และยังให้ความสวยงามอีกด้วย โดยรถที่ใช้แข่งขันจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง เพราะว่าการถ่ายเทน้ำหนักและพละกำลังของรถประเภทนี้จะเหมาะสมที่สุดสามารถเข้าโค้งแบบดริฟต์ได้ดีที่สุด ส่วนนักแข่งจะต้องรู้จักการเข้าโค้งในไลน์ที่ถูกต้อง รู้จักควบคุมพวงมาลัยความเร็วรถและจัดการหน้ายางให้คุ้มค่าที่สุด

การแข่งแรลลี่

 

แข่งแรลลี่จะแตกต่างจากการแข่งที่ว่ามาทั้งหมดเพราะรายการนี้จะไม่ได้แข่งบนทางเรียบแต่จะไปลุยกันบนทางขรุขระทางดินเป็นหลักครับจะเป็นการแข่งขันจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งผ่านเส้นทางทุรกันดารและทางสาธารณะด้วยความเร็วสูงจะเป็นการแข่งขันเก็บคะแนน นอกจากนี้นักแข่งต้องใช้ 2 คนคือคนขับและเนวิเกเตอร์ทำหน้าที่บอกเส้นทาง

เสน่ห์ของแรลลี่มีหลายอย่างที่การแข่งบนทางเรียบให้ไม่ได้นั่นคือเส้นทางอันสุดโหดเพราะเป็นการแข่งทางดินเต็มไปด้วยหุบเขาทางชันและทางโค้งอันตราย ความสามัคคีเคมีที่ตรงกันระหว่างคนขับกับเนวิเกเตอร์ด้วยต้องเชื่อใจกันและกันสูงและการปรับแต่งรถยนต์ที่เน้นตะลุยทางดินเป็นหลัก

การแข่งยิมคาน่า

 

สำหรับการแข่งยิมคาน่านั้นจะมุ่งเน้นที่การควบคุมรถไปถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด (ทำเวลาน้อยที่สุด) ภายใต้สนามแข่งที่เต็มไปด้วยทางโค้งแคบกล่าวคือสนามแข่งจะมีกรวยตั้งเพื่อเป็นจุดกำหนดเลี้ยวจำนวนมากดังนั้นผู้แข่งจะสามารถทำความเร็วในระดับปานกลางและต่ำได้เท่านั้น นักแข่งจะต้องโฟกัสอยู่ที่การหักพวงมาลัย การเข้าเกียร์ การเหยียบเบรค ส่วนรถที่ใช้จะเป็นรถบ้านใช้งานเป็นหลัก (Street Use)

ถึงการแข่งยิมคาน่าจะไม่หวือหวาหรือดุดันเท่าการแข่งอื่น ๆ แต่ก็ทดแทนด้วยประโยชน์ของมันที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเช่นการเข้าโค้งให้ถูกไลน์หรือรู้ถึงขีดความสามารถของรถประจำตัวได้ว่าอยู่ในระดับไหน นอกจากนี้การแข่งยิมคาน่าเป็นการแข่งที่ใช้งบประมาณน้อยจึงเป็นที่นิยมสำหรับนักแข่งผู้เริ่มต้นที่ไม่มีงบมากพอและสามารถใช้รถบ้านในชีวิตประจำวันเข้าแข่งขันได้ด้วย

 

การแข่งขันรถยนต์ แบบ Drag คืออะไร ?

 

“เจ้าสนาม ทางตรง” คำนี้คงนิยามการแข่งขันรถยนต์ประเภทแด็รกได้อย่างตรงไปตรงมา ทว่า การแข่งขับที่ไม่ซับซ้อน 

Drag Racing คือ การแข่งขันรถแข่งประเภททางตรง โดยจะจับคู่ ปล่อยรถไปทีละสองคัน ในระยะทางมาตรฐานที่ 402 เมตร หรือที่เรียกว่า ควอเตอร์ไมล์นั่นเอง โดย Drag Racing นี้ จะมีองค์ประกอบหลักๆอยู่ 3 องค์ประกอบ ได้แก่

  1. TRACK 

    เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สนามแข่งหรือลู่วิ่งนั่นเอง แต่ไม่ใช่ถนนหลวง เพราะ Track นั้น จะมีลักษณะเป็นทางตรง มีลู่วิ่งจริงๆประมาณ 402 เมตร และเป็นทางเบรคอีกประมาณ 400 เมตร แต่ความแตกต่างของแต่ละสนามก็คือ ผิวแทร็ก ไม่ว่าจะเป็น Track ลาดยาง , Track คอนกรีต และ Track ผสมนั่นเอง 

  2. Driver 

    หรือ นักขับรถ ซึ่งสำคัญมากๆ เพราะไม่มีรถคันไหนที่ขับได้ด้วยตัวเองแน่ๆ ซึ่งการแข่ง Drag นี้ ยากกว่าการแข่งรถในสนามจริงทั่วไป เพราะถึงแม้ Drag Racing จะมีทางตรงสั้นๆ แต่การควบคุมรถนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย ดังนั้นคนแข่งต้องมีสมาธิและทักษะการแข่งรถพอสมควร 

  3. Drag Car 

    หรือรถที่ใช้ในการแข่ง Drag นั่นเอง โดยรถที่แข่งนั้นต้องมีลักษณะโครงสร้างที่สมบูรณ์ ตัวรถเบา เพื่อที่จะได้ออกตัวเร็ว เพราะการแข่ง Drag เป็นการแข่งที่วัดความเร็วเป็นหลัก ตัวรถต้องลาดเอียงลู่ลม ช่วงล่างแบบคานแข่งเหมือนรถโฟล์ค หรือ 4-LINKS ที่ช่วยในเรื่องรับน้ำหนักในทุกทิศทางก็ได้

 

“Drag Racing” มีกติกาอย่างไร ?

 

Drag Racingมีกติกาและระบบการแข่งขันที่เข้มงวดเพื่อให้การแข่งขันประสบความสำเร็จและปลอดภัยสำหรับนักแข่งขันและผู้ชม.

  • Christmas Tree: การแข่งขันจะเริ่มต้นด้วยการใช้ “Christmas Tree” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แสดงสัญญาณแสงสีแดง-เขียวให้นักแข่งขัน แสดงถึงเวลาเริ่มแข่งขัน ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นไฟแล้ว
  • นักแข่งขันต้องเริ่มส่งสัญญาณเมื่อแสดงแสงเขียวบน Christmas Tree เพื่อเริ่มการแข่งขัน การส่งสัญญาณเริ่มนี้มีความสำคัญและต้องถูกทำตามกฎเพื่อป้องกันความเสียเวลา.
  • ระยะการแข่งขันที่มักใช้ในDrag Racingได้แก่ 1/4 ไมล์ (ประมาณ 402 เมตร) และ 1/8 ไมล์ (ประมาณ 201 เมตร) ซึ่งนักแข่งต้องวิ่งผ่านระยะนี้ให้เร็วที่สุด.
  • การชนรถยนต์หรือการออกนอกทางแข่งขันมักจะทำให้นักแข่งและรถยนต์เสียหายอย่างร้ายแรง การป้องกันความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ นักแข่งจะต้องใส่หมวกความปลอดภัยและใส่เข็มขัดนิรภัย เสมอ.
  • นักแข่งจะต้องประกาศข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์และความเร็วเป็นอย่างถูกต้อง เพื่อให้ตัวบริเวณการแข่งขันเตรียมการได้อย่างเหมาะสม.
  • การแข่งขันDrag Racingอาจมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการแต่งรถ เพื่อให้การแข่งขันเป็นธรรมที่สุด
  • ผลการแข่งขันจะตัดสินโดยนักแข่งที่ขับผ่านเส้นชัยก่อน โดยมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการตรวจวัดเวลาและความเร็ว.

การแข่งขันรถยนต์แบบDrag Racingเป็นกิจกรรมที่มีกติกาที่เข้มงวดและความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้สิงห์ทางตรงสามารถเข้าร่วมได้อย่างปลอดภัยและมีความสนุกสนานที่สุด.

 

ยางประเภทไหนที่เหมาะสมกับการแข่ง ” Drag Racing “

 

การเลือกยางสำหรับการแข่ง “Drag Racing” เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากยางเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความเร็วและประสิทธิภาพของรถยนต์ในการแข่งขัน. ยางที่เหมาะสมสำหรับการแข่งDrag Racingจะต้องมีลักษณะดังนี้

Slick Tires (ยางสลิค): ยางสลิคเป็นยางที่ มีพื้นผิวที่เรียบและแข็ง มักใช้สำหรับการแข่งขัน Drag Racingโดยเฉพาะในรถยนต์ที่มีกำลังม้ามาก ยางสลิคช่วยให้รถยนต์มีการเกาะถนนได้ดีและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับแรงที่เกิดขึ้นขณะเร่งความเร็ว.

Drag Radial Tires ยางดร็อกเรเดียลเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน Drag Racingบนถนนทั่วไปแต่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่ายางถนนทั่วไป

การเลือกยางสำหรับการแข่ง Drag Racing จะขึ้นอยู่กับลักษณะการแข่งขันและลักษณะรถยนต์ของคุณ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือทีมเทคนิคที่มีประสบการณ์ในการแข่ง Drag Racing เพื่อให้คำแนะนำในการเลือกประเภทยางกระบะ หรือ ยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถยนต์และสภาพถนนที่คุณจะแข่งขัน. 

สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจะสับสนได้ ว่าจะเลือกยางกระบะยี่ห้อไหนดี แล้วจะเป็นหรือไม่ว่ารถที่เรานำมาใช้แข็งขันเป็นกระบะ4 ประตู จะต้องเลือกใช้ยางเฉพาะ เช่น ยางกระบะ 4 ประตู หรือ ยางกระบะบรรทุกหนัก ก็สามารถเป็นไปได้ โดย Nitto Tires จะขอแนะนำยางที่เป็นพระเอกของการแข่ง แดร็กของเรา 

นั่นก็คือ โดยรุ่น ไฮไลท์ NITTO NT420SD Street Truck 1,500 kg พร้อมระเบิดความแรงด้วยยาง NITTO NT420SD ซึ่ง ทางNitto Tires เอง ก็ได้มีการจัดการแข่งขันแดร็กอยู่เป็นประจำนั่นก็คืองาน NITTO KING OF DRAG นั่นเอง

 

NITTO NT420SD 

 

NT420 SD อีกขีดขั้นของยาง SUV สไตล์สปอร์ด ที่มาพร้อมกับดีไซน์ลายดอกยางและแก้มยางที่ดุดันเป็นเอกลักษณ์ของ NITTO ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนแห้ง และเปียก ที่สุดของยาง SUV สปอร์ตสมรรถนะสูง เพื่อการขับขี่แบบสปอร์ด บล็อกดอกยางขนาดใหญ่ เพิ่มแรงยึดเกาะของหน้ายางกับพื้นถนน เพื่อการยึดเกาะถนนสูงสุด ร่องดอกยางขนาดเล็กรูปตัว “V” ช่วยเสริมสมรรถนะในการยึดเกาะถนนทุกพื้นผิว  แข่งสั้นจบไวใจถึง ตัวตึงต้อง NT420 SD เท่านั้น 

สำหรับการแข่ง Dragนั้น คือการแข่งขันที่สนุก เร้าใจ ใช้เวลาไม่นาน และมีเสน่ห์ หากใครได้เข้ามาในวงการ ยากที่หักห้ามใจไม่ให้หลงใหลไปกับมัน Drag Racingคือการแข่งขันของคนรักความเร็ว ที่มีระยะทางสั้นๆ เพราะฉะนั้น ยางที่เลือกจะต้องเป็นยางที่เต็มไปด้วยสมรรถนะเรื่องความเร็ว และความปลอดภัย Nitto Tires เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของยางสมรรถนะดี ที่วงการ Dragเลือกใช้ 

ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์การทำความเร็ว หรือการทนต่อความร้อนของยางในการเบิร์นยาง มั่นใจได้เลยว่า คุ้มค่า และมาถูกทางแน่นอนครับ ถึงจะเป็นการแข่งความเร็วระยะสั้น แต่ก็อย่าลืมเรื่องความปลอดภัย ที่เราใส่ใจและเป็นห่วงทุกคนนะครับ


เคล็ดลับล่าสุด