สินค้า รุ่นยาง โปรโมชั่น แกลเลอรี่ ข่าวสาร/ความรู้ ค้นหาสาขา เกี่ยวกับเรา
เลือกยางให้เหมาะกับรถไฟฟ้า ขับเงียบ ประหยัด วิ่งได้ไกลกว่า

เลือกยางให้เหมาะกับรถไฟฟ้า ขับเงียบ ประหยัด วิ่งได้ไกลกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลายเป็นทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายระยะยาว แต่รู้ไหมครับว่า “ยาง” คือหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะทางต่อการชาร์จโดยตรง ยางที่เหมาะกับ EV ไม่เพียงแค่ต้องรับแรงบิดสูงจากมอเตอร์ได้ดี แต่ยังต้องช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นและเงียบกว่าที่เคย มาดูกันว่าควรเลือกและดูแลอย่างไรให้ยางตอบโจทย์ที่สุด 🌱🔋

 

1) ทำไมรถไฟฟ้าต้องเลือกยางเฉพาะ 💡

รถไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถเครื่องยนต์ทั่วไป เพราะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ยางที่ใช้จึงต้อง แข็งแรงกว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า และเก็บเสียงได้ดีกว่า
นอกจากนี้แรงบิดของมอเตอร์ที่มาแบบ “ทันที” ทำให้ยางต้องมีโครงสร้างที่รับแรงฉุดได้โดยไม่สึกเร็ว

ยางสำหรับ EV จึงมักออกแบบด้วยเทคโนโลยีพิเศษ เช่น:

  • โครงสร้างเสริมแรงภายในเพื่อรองรับแรงบิดและน้ำหนักแบตเตอรี่

  • คอมพาวด์สูตรพิเศษที่ลดแรงต้านการหมุน (Rolling Resistance)

  • ดอกยางที่ลดเสียงขณะกลิ้ง เพื่อให้ห้องโดยสารยังคงเงียบสนิท

 

2) ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจาก “ยางที่ใช่” 🔇

การเลือกยางที่เหมาะกับรถ EV ไม่ใช่แค่เรื่องของความปลอดภัย แต่ยังช่วยในทุกมิติของการใช้งาน

วิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จ — เพราะแรงต้านการหมุนต่ำ ทำให้ระบบใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เสียงเงียบขึ้น — ห้องโดยสารของ EV เงียบอยู่แล้ว ถ้ายางลดเสียงได้อีก จะยิ่งรู้สึกถึงความพรีเมียม
ยืดอายุการใช้งาน — โครงสร้างแข็งแรง รับแรงบิดได้ดี ไม่สึกกลางดอกเร็ว
ยึดเกาะดีแม้ถนนเปียก — ดอกยางออกแบบให้รีดน้ำและคุมรถได้มั่นใจ

 

3) รู้จัก “แรงต้านการหมุน” ที่ทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่รู้ตัว 🔁

แรงต้านการหมุน (Rolling Resistance) คือพลังงานที่สูญเสียไปขณะยางหมุน ยิ่งแรงต้านมาก รถยิ่งต้องใช้พลังงานมากเพื่อขับเคลื่อน
ยางที่มี ค่าความต้านต่ำ (Low Rolling Resistance) จะช่วยลดการใช้พลังงานได้โดยตรง — เทียบง่ายๆ คือ “ขับได้ระยะทางเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องชาร์จเพิ่ม” ⚡

 

 

4) วิธีดูแลยาง EV ให้อยู่กับคุณนานขึ้น 🧰

การดูแลยางรถไฟฟ้าไม่ได้ต่างจากรถทั่วไปมาก แต่ต้องใส่ใจเรื่อง “แรงดันลมและการสึกหรอ” เป็นพิเศษ

  • เช็คลมยางทุกเดือน เพราะลมอ่อนเพียง 10% อาจทำให้กินไฟเพิ่มขึ้นกว่า 5%

  • สลับยางทุก 8,000–10,000 กม. เนื่องจากแรงบิดมอเตอร์ทำให้ยางหลังสึกเร็วกว่าปกติ

  • ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ทุกครั้งที่รู้สึกว่ารถเริ่มกินซ้ายหรือพวงมาลัยสั่น

  • อย่าปล่อยให้น้ำหนักบรรทุกเกินกำหนด เพราะจะเร่งการสึกของยางและเปลืองพลังงานมากขึ้น

 

5) จะรู้ได้ยังไงว่ายางรุ่นไหนเหมาะกับรถไฟฟ้า? 🧭

ให้ดูสัญลักษณ์หรือคำในสเปกของยาง เช่น

  • “EV” หรือ “EV Ready”

  • “Low Rolling Resistance”

  • “Silent Technology” หรือ “Noise Reduction”

ถ้าไม่มีคำเหล่านี้ ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยเลือกขนาดและรุ่นที่เหมาะกับน้ำหนักและแรงบิดของรถคุณ เช่น ยางแนว Comfort Touring / Eco / Performance EV ซึ่งตอบโจทย์แต่ละสไตล์ขับแตกต่างกัน

 

6) เคล็ดลับสุดท้ายจากมือโปร 🔧

อย่ามองยางแค่ “ราคา” เพราะยางที่ถูกแต่แรงต้านสูงอาจทำให้คุณเสียค่าไฟมากขึ้นในระยะยาว เลือกยางที่มีสมดุลระหว่าง
💡 ความประหยัดพลังงาน + ความเงียบ + ความทนทาน + การยึดเกาะ
แล้วรถไฟฟ้าของคุณจะทั้ง “ขับสนุก เงียบ และวิ่งได้ไกลกว่าเดิม”

 

สรุปสั้น:
ยางที่ดีคือ “เพื่อนร่วมทางของรถไฟฟ้า” ที่ช่วยยกระดับทั้งสมรรถนะและความประหยัดในทุกกิโลเมตร ลงทุนกับยางที่เข้าใจเทคโนโลยี EV แล้วคุณจะสัมผัสความต่างตั้งแต่การออกตัวครั้งแรกจนถึงทุกจุดหมาย 🌍⚡

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list

สินค้าและบริการ
ยางรถยนต์
โปรโมชั่น
แกลเลอรี่
บทความ
วิดีโอความรู้
ข่าวสาร
ค้นหาสาขา
เกี่ยวกับเรา
สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย
ลงทะเบียนรับประกันยาง
ตรวจสอบการรับประกัน
นโยบายการรับประกัน
ติดต่อเรา

Copyright © 2024 NITTO TIRES สงวนสิทธิ์ทุกประการ

|

ข้อกำหนดและเงื่อนไข

|

นโยบายความเป็นส่วนตัว

|

นโยบายการใช้คุกกี้

สินค้าและบริการ
ยางรถยนต์
โปรโมชั่น
แกลเลอรี่
บทความ
วิดีโอความรู้
ข่าวสาร
ค้นหาสาขา
เกี่ยวกับเรา
สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย
ลงทะเบียนรับประกันยาง
ตรวจสอบการรับประกัน
นโยบายการรับประกัน
ติดต่อเรา

Copyright © 2024 NITTO TIRES สงวนสิทธิ์ทุกประการ

|

ข้อกำหนดและเงื่อนไข

|

นโยบายความเป็นส่วนตัว

|

นโยบายการใช้คุกกี้