สินค้า รุ่นยาง โปรโมชั่น แกลเลอรี่ ข่าวสาร/ความรู้ ค้นหาสาขา เกี่ยวกับเรา
ยางเก่าถ้ายังมีดอก ก็ใช้ต่อได้ ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่หลังร่องดอกยาง

ยางเก่าถ้ายังมีดอก ก็ใช้ต่อได้ ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่หลังร่องดอกยาง

 

หลายคนมองยางแล้วเห็น “ดอกยังเยอะ” ก็สรุปว่าปลอดภัย ใช้ต่อได้ยาว ๆ ความจริงคือ ดอกยางเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัย เท่านั้นที่บอกสภาพยางได้ บนถนนเมืองไทยที่ร้อนชื้น ฝนหนัก สลับแดดจัด ยางต้องเผชิญ ความร้อนสูง–น้ำขัง–รอยต่อถนน–หลุมบ่อ–น้ำหนักบรรทุก อยู่ตลอด แม้ดอกจะยังเหลือ แต่ สูตรยาง (compound) เสื่อม, โครงสร้างอ่อนล้า, แก้มยางแตกร้าว, ผ้าใบภายในบอบช้ำ ก็ทำให้สมรรถนะ “ตกฮวบ” ได้ ทั้งระยะเบรกบนพื้นเปียกที่ยาวขึ้น การเหินน้ำที่มาเร็วขึ้น และโอกาสยางระเบิดเมื่อร้อนจัดหรือโดนกระแทกแรง ๆ 🛞⚠️

ทำไม “ยังมีดอก” จึงไม่พอ?

  • อายุยาง (Aging): ยางเก่าจะค่อย ๆ แข็งตัวจากออกซิเดชันและโอซอนในอากาศ แม้รถจอดมากกว่าขับ น้ำมันยางในเนื้อยางก็เสื่อมได้ ส่งผลให้ “หนึบลด–แตกร้าว–ลื่นเปียก”

  • โครงสร้างอ่อนล้า (Fatigue): ความร้อน–แรงเฉือน–การกระแทกสะสม ทำให้ชั้นผ้าใบ/เข็มขัดหน้ายางเริ่มบอบบาง พอเจอหลุมแรง ๆ อาจเกิด “บวม/ไข่ปลา” หรือระเบิดได้

  • แก้มยาง (Sidewall) สำคัญกว่าที่คิด: ดอกยังลึก แต่แก้มมีรอยแตก/รอยบวมเล็ก ๆ ก็เสี่ยงแตกแบบฉับพลัน โดยเฉพาะตอนวิ่งเร็วหรือบรรทุกหนัก

  • สึกไม่สม่ำเสมอ: ดอกยังดู “หนา” ตรงกลาง แต่ ไหล่ยางกิน หรือเป็นขั้นบันได แปลว่าหน้าสัมผัสผิดปกติ เวลาเบรก/เข้าโค้ง ยึดเกาะลดลงกว่าที่คิด

  • ซ่อมบ่อย–ผิดวิธี: รูรั่ว/บาดแผลที่ซ่อมแบบแทงใส้ไส้ (string) หลายครั้ง หรือโดนที่ “ไหล่/แก้ม” แม้ดอกยังเหลือก็ไม่ควรใช้ต่อในความเร็วสูง

ตัวเลขที่ควรรู้แบบเข้าใจง่าย

  • ดอกยางต่ำกว่า ~3 มม. ประสิทธิภาพบนพื้นเปียกเริ่มตกชัดเจน โอกาสเหินน้ำสูงขึ้น (ขณะที่กฎหมายหลายประเทศกำหนดขั้นต่ำ ~1.6 มม. แต่นั่นคือ “ขั้นต่ำทางกฎหมาย” ไม่ใช่ “จุดที่ปลอดภัย”)

  • อายุ 5–6 ปีขึ้นไป แม้ดอกยังลึก ควรตรวจละเอียดเป็นพิเศษ และพิจารณาเปลี่ยน โดยดู DOT 4 หลักท้าย = สัปดาห์–ปีผลิต เช่น 1521 คือสัปดาห์ที่ 15 ปี 2021

  • แรงดันผิดเพี้ยน ทำให้ “สึกกลาง/สึกไหล่” เร็ว ดอกอาจยังดูเหลือในบางส่วน แต่พื้นที่เกาะจริงเล็กลงมาก

สภาพอากาศไทย ทำไมถึงยิ่งต้องระวัง?

  • ร้อนจัด: อุณหภูมิพื้นผิวถนนสูงมาก ยางเสื่อมไว ความดันในยางพุ่ง ถ้าแก้มยางเริ่มล้า โอกาสบวม/แตกเพิ่ม

  • ฝนหนัก–น้ำขัง: ต้องพึ่ง “ร่องรีดน้ำ + เนื้อยางที่ยังยืดหยุ่น” เพื่อยึดเกาะ ถ้ายางแข็งอายุมาก ต่อให้ดอกยังลึก ระยะเบรกบนเปียกก็มักแย่ลง

  • รถติด–ออกตัว/เบรกถี่: ความร้อนสะสมและแรงเฉือนสูง ทำให้สึกหรอในเมืองเร็วกว่าเลขไมล์ที่เห็น

จะรู้ได้อย่างไรว่า “ถึงเวลา” แม้ดอกยังเหลือ?

  • 🔎 เห็นสัญลักษณ์สึก (Wear Bar) โผล่: ถ้าบล็อกดอกยางเสมอกับสันเตือน แปลว่าถึง “ขีดแดง” แล้ว

  • 🔎 รอยแตกร้าว/เส้นคลาน: ที่ไหล่ยางหรือร่องดอก แม้เล็ก ๆ ก็เป็นสัญญาณอายุและความแข็งตัว

  • 🔎 บวม/ไข่ปลา: จุดบวมแม้เล็ก ต้องเปลี่ยนทันที ใช้ต่อเสี่ยงแตก

  • 🔎 สั่น/หอน/ปัดซ้ายขวา: หลังถ่วง–ตั้งศูนย์แล้วอาการยังอยู่ อาจมาจากโครงสร้างภายในเริ่มผิดรูป

  • 🔎 DOT เกิน 5–6 ปี: โดยเฉพาะรถที่จอดกลางแจ้ง/จอดนิ่งนาน

แนวทางใช้งานจริง: ปลอดภัย–คุ้มค่า ไม่เสี่ยงเกินเหตุ

  1. ตรวจด้วยตาและมือเดือนละครั้ง: มองหารอยแตก/บวม, ลูบบล็อกหาบันได, เช็กลึกดอกด้วยเกจ (หรือไม้บรรทัดก็ยังดีกว่าเดา)

  2. วัดแรงดัน “ตอนยางเย็น” ทุกสัปดาห์: ยึดตามสติ๊กเกอร์รถ ปรับตามโหลด/ทริปจริง

  3. สลับยางทุก 8,000–10,000 กม.: กระจายการสึกให้สม่ำเสมอ ยืดอายุ และช่วยตรวจสภาพไปในตัว

  4. ตั้งศูนย์–ถ่วงล้อตามระยะ: ดอกเหลือก็จริง แต่ถ้าหน้าสัมผัสเอียง/ส่าย สมรรถนะหาย

  5. ยางซ่อมหลายจุด/รูใหญ่/โดนไหล่–แก้ม: อย่าเสี่ยง ใช้เป็นยางอะไหล่ชั่วคราวเท่านั้น

  6. SUV/กระบะบรรทุก: ให้ความสำคัญกับ “แก้มยาง” มากเป็นพิเศษ และอย่าลืมเช็ก “ยางอะไหล่” ด้วย 🧰

  7. หน้าฝน/เดินทางไกล: ถ้าลังเลระหว่าง “ใช้ต่อเพราะยังมีดอก” กับ “เปลี่ยนเพื่อความมั่นใจ” ให้ให้น้ำหนักกับพื้นเปียกและเบรกสั้นไว้ก่อน—ปลอดภัยกว่าย่อมคุ้มกว่าเสมอ

เปลี่ยนอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

  • เปลี่ยนเป็นคู่/เป็นชุด: อย่างน้อย “คู่หลัง/คู่หน้า” เพื่อบาลานซ์การยึดเกาะ (ดีที่สุดคือเปลี่ยนทั้ง 4)

  • เลือกยางตามสไตล์การขับและสภาพถนน: เมือง–ต่างจังหวัด–ฝนหนัก–บรรทุก—อย่าดูแต่ราคา/ดอกสวย

  • บริการหลังการขาย: รับประกันความเสียหาย/ซ่อมแผล/ตั้งศูนย์–ถ่วงครอบคลุม ช่วยลดต้นทุนทั้งวงจร

  • คิดแบบ Total Cost: รวมค่าน้ำมัน/ค่าดูแล/อายุใช้งาน ไม่ใช่ดูแค่ราคาหน้าป้าย

สรุปให้ชัด: คำว่า “ดอกยังเหลือ” ไม่ได้เท่ากับ “ปลอดภัย” เสมอไป ยางที่อายุมาก แข็งตัว แตกร้าว โครงสร้างล้า หรือสึกผิดรูป—แม้ดอกยังดูดี—ก็ทำให้ระยะเบรกยาวขึ้นและการควบคุมแย่ลง โดยเฉพาะบนถนนเปียกของบ้านเรา การตัดสินใจ “เปลี่ยนให้ถูกจังหวะ” คือการลงทุนกับความปลอดภัยและความสบายทุกกิโลเมตร มากกว่าการเสี่ยงประหยัดแบบฉาบฉวยครับ ✅

 

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list

สินค้าและบริการ
ยางรถยนต์
โปรโมชั่น
แกลเลอรี่
บทความ
วิดีโอความรู้
ข่าวสาร
ค้นหาสาขา
เกี่ยวกับเรา
สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย
ลงทะเบียนรับประกันยาง
ตรวจสอบการรับประกัน
นโยบายการรับประกัน
ติดต่อเรา

Copyright © 2024 NITTO TIRES สงวนสิทธิ์ทุกประการ

|

ข้อกำหนดและเงื่อนไข

|

นโยบายความเป็นส่วนตัว

|

นโยบายการใช้คุกกี้

สินค้าและบริการ
ยางรถยนต์
โปรโมชั่น
แกลเลอรี่
บทความ
วิดีโอความรู้
ข่าวสาร
ค้นหาสาขา
เกี่ยวกับเรา
สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย
ลงทะเบียนรับประกันยาง
ตรวจสอบการรับประกัน
นโยบายการรับประกัน
ติดต่อเรา

Copyright © 2024 NITTO TIRES สงวนสิทธิ์ทุกประการ

|

ข้อกำหนดและเงื่อนไข

|

นโยบายความเป็นส่วนตัว

|

นโยบายการใช้คุกกี้