ไม่มีใครอยากเจอ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง การรู้ ลำดับการคุมรถ จะช่วยให้คุณกับผู้โดยสารปลอดภัยมากขึ้น บทความนี้สรุปขั้นตอนฉุกเฉินแบบสั้น กระชับ ทำตามได้ทันที ตั้งแต่วินาทีแรกที่ยางแตก/ระเบิด ไปจนถึงจอดปลอดภัยและตรวจสภาพต่อครับ 🚗🛞
1) วินาทีแรก: อย่าตกใจ—“จับพวงมาลัยให้ตรง แล้วคงคันเร่งสั้น ๆ”
-
เสียง “ปั้ง!” ตามด้วยพวงมาลัยดึงหรือท้ายปัด = สันนิษฐาน ยางรถยนต์ เสียหาย
-
จับพวงมาลัยสองมือแน่น ๆ ให้รถตรง
-
อย่าเบรกทันที! ให้ “คงคันเร่งเล็กน้อย 1–2 วินาที” เพื่อรักษาสมดุลน้ำหนักก่อน
หลักจำง่าย: ตรงก่อน ชะลอทีหลัง
2) หลังรถเริ่มนิ่งขึ้น: “ค่อย ๆ ยกคันเร่ง” จนความเร็วลดเอง
-
ปล่อยคันเร่งอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป ให้ความเร็วตกจากแรงต้านของยาง
-
เมื่อความเร็วลดลงจนอาการคุมง่ายขึ้นแล้ว แตะเบรกเบา ๆ เป็นจังหวะ (อย่าเหยียบยาว)
3) เลี้ยวเข้าช่องฉุกเฉิน “ช้า–ตรง–คงเส้น”
-
เปิด ไฟฉุกเฉิน ทันทีที่ควบคุมรถได้
-
มองกระจก/ไหล่ทาง แล้ว เปลี่ยนเลนทีละเลน ไปยังไหล่ทาง/จุดพักฉุกเฉิน
-
จอดให้พ้นเส้นวิ่งชัดเจน ลงจากรถทางฝั่งไม่ติดเลนจราจร และยืนหลังแนวกั้น
4) ตั้งพื้นที่ปลอดภัยก่อนตรวจยาง
-
วาง สามเหลี่ยมสะท้อนแสง ให้ไกลพอ (ตามสภาพจราจร/ทัศนวิสัย)
-
ผู้โดยสารย้ายไปยืนหลังแนวกั้น/รั้วกันตก สวมเสื้อสะท้อนแสงถ้ามี
-
โทรขอความช่วยเหลือทางด่วน/ประกัน หรือ ใช้ยางสำรอง เฉพาะเมื่อพื้นที่ปลอดภัยจริง ๆ
คีย์เวิร์ดที่เกี่ยว: ยาง รถยนต์, เปลี่ยนยางรถยนต์, ยาง
5) เช็กเร็ว 4 จุด (ก่อนตัดสินใจขับต่อ/เปลี่ยนยาง)
-
แก้มยาง: บวม/ปริ/ฉีก? → หยุดใช้ทันที
-
หน้ายาง: มีแผลเปิด–หลุดชั้นผ้าใบ? → หยุดใช้
-
ล้อแม็ก/เหล็ก: บิ่น/คดจากแรงกระแทก?
-
ชิ้นส่วนค้างในร่องดอก: ตะปู/เศษเหล็ก—อย่าดึงออกกลางทาง ให้เคลื่อนรถแบบช้า–คงที่ไปจุดซ่อม
6) ถ้าจำเป็นต้องใส่ “ยางสำรองชั่วคราว”
-
ใช้สำหรับ “ไปศูนย์บริการใกล้สุด” เท่านั้น
-
จำกัดความเร็ว (มักไม่เกิน ~80 กม./ชม.) + เลนซ้าย อย่างเดียว
-
หลีกเลี่ยงบรรทุกหนัก/แซงถี่/เลี้ยวแรง
รายละเอียดเต็ม ๆ เรื่องยางสำรอง: ดูหัวข้อ “ยางสำรองชั่วคราว ใช้ยังไงให้ปลอดภัย” ที่เราเคยสรุปไว้
7) สาเหตุฮิตที่ทำให้ “ยางพังแรง” บนทางด่วน (กันไว้ดีกว่าแก้)
-
แรงดันลมไม่พอดี: ลมน้อย = ร้อนสะสม สึกขอบ/บี้กระทะง่าย, ลมมาก = สึกกลาง/รับแรงกระแทกแย่
-
ตกหลุม/ทับเศษโลหะที่ความเร็วสูง: แก้มยางช้ำ–บวม
-
บรรทุกเกิน/ลากพ่วง โดยไม่ได้ตั้งลมตามสเปก
-
ดอกยางใกล้สะพานดอก (TWI) หรืออายุยางมากจนแข็ง/แตกลายงา
คีย์เวิร์ดต่อยอด: ยางรถยนต์, ราคายางรถยนต์ (บทความนี้งดแสดงราคา), ยาง nitto
8) รูทีนก่อนขึ้นทางด่วน 3 นาที (ช่วยลดความเสี่ยง)
-
วัดลมตอนยางเย็นตาม สติ๊กเกอร์ขอบประตูฝั่งคนขับ (รวมยางสำรอง)
-
เดินวนดู แก้มยาง หาแผลบวมหรือปริ
-
ฟังเสียง/จับสั่นสั้น ๆ ที่ 80–100 กม./ชม. หาก “หอน/สั่นช่วงหนึ่ง ๆ” → จัดคิว ถ่วงล้อ–ตั้งศูนย์
9) หลังเหตุการณ์: ให้ศูนย์ตรวจอะไรบ้าง 🔧
-
โครงสร้างเส้นที่เสียหาย (ซ่อมได้เฉพาะบางตำแหน่งบนหน้ายาง)
-
ล้อคด/บิ่น และ ดุมล้อ
-
ตั้งศูนย์–ถ่วงล้อ เพื่อคืนสมดุล ลดสั่น–หอน
-
ถ้าพบ แก้มยางบวม/ปริ หรือดอกเสมอ TWI ให้พิจารณา เปลี่ยนยางรถยนต์ ตามสภาพจริง
10) เช็กลิสต์ 60 วินาที “ยางระเบิดบนทางด่วน” ✅
-
จับพวงมาลัยให้ตรง / อย่าเบรกทันที
-
ยกคันเร่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป / แตะเบรกเบา ๆ เมื่อรถนิ่งขึ้น
-
เปิดไฟฉุกเฉิน / ชิดเลนซ้าย / เข้าช่องฉุกเฉิน
-
ตั้งพื้นที่ปลอดภัย / โทรขอความช่วยเหลือ
-
ตรวจแก้ม–หน้ายาง–ล้อ / ตัดสินใจใช้ยางสำรองหรือเรียกรถช่วยเหลือ
-
เข้าศูนย์ตรวจ–ซ่อม–ตั้งศูนย์/ถ่วงล้อ
สรุปสั้น ๆ
ยางพังบนทางด่วน อย่าเบรกตื่น—ตรงก่อน ชะลอทีหลัง แล้วเลี้ยวเข้าช่องฉุกเฉินแบบ ช้า–คงเส้น ตั้งพื้นที่ปลอดภัยก่อนค่อยตรวจ/เปลี่ยน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ค่อยเข้าศูนย์เช็กสภาพและวางแผน เปลี่ยนยางรถยนต์ ตามความจำเป็น เท่านี้ก็ผ่านเหตุฉุกเฉินได้อย่างมีสติ และยืดอายุ ยางรถยนต์ ที่เหลือให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพครับ 🙂
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list

