คำตอบสั้น ๆ คือ “จริง” ครับ 🙂 เมื่อ ยางรถยนต์ สึกไม่เท่ากัน พื้นที่สัมผัสถนนของแต่ละเส้นไม่สมดุล รถเลยต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ผลที่ตามมาคือเครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น และคุณจะรู้สึกว่า “เหยียบเท่าเดิม แต่รถไม่ลื่นเท่าเดิม” นั่นแหละสัญญาณว่ากำลังมีพลังงานสูญเสียไปกับแรงต้านที่เพิ่มขึ้น
อาการสึกไม่เท่ากัน มักเริ่มจากเรื่องพื้นฐานมาก ๆ เช่น ลมยางไม่พอดี ศูนย์ล้อเพี้ยน หรือหมุนเวียนยางไม่สม่ำเสมอ เมื่อหน้ายางบางส่วนรับภาระมากกว่าปกติ รถจะไม่นิ่ง ยึดเกาะไม่สม่ำเสมอ เข้าโค้งแล้วต้องคุมพวงมาลัยมากขึ้น ขับไกล ๆ จึงล้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่ยังไม่รวมความเสี่ยงบนถนนเปียกที่รีดน้ำได้ไม่ดีเท่าเดิมด้วยนะครับ 🌧️
สิ่งที่ทำได้ทันทีแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษคือ ✅ เช็กลม “ตอนยางเย็น” ให้ตรงสเปกรถ กวาดตาหา บวม แตก ร้าว หรือสิ่งแปลกปลอมในดอกยางทุกครั้งที่ล้างรถ และตั้งเตือน หมุนเวียนยาง–ตั้งศูนย์–ถ่วงล้อ ตามระยะ ง่าย ๆ แค่นี้ รถจะนิ่งขึ้น หน้ายาง “สึกสวย” ใกล้เคียงกันทั้งสี่เส้น แรงต้านลดลง การขับก็กลับมาลื่นไหลอีกครั้ง
ถ้าดอกยางเริ่มแตะ “ตัวชี้วัดการสึก” หรือสึกจนกระทบความมั่นใจแล้ว อย่าฝืนครับ ถึงเวลา เปลี่ยนยางรถยนต์ โดยเริ่มจาก “ไซซ์ที่ตรงรุ่น” ก่อน แล้วค่อยเลือกให้เหมาะกับการใช้งานจริงของคุณ ไม่ต้องยึดติดแค่เรื่อง ราคายางรถยนต์ อย่างเดียว—ความเหมาะสมกับรถและวิถีการขับสำคัญกว่าเยอะ ส่วนใครกำลังมองหาทางเลือกในไลน์อัป ยาง nitto มีตัวเลือกครอบคลุมการใช้งานประจำวันจนถึงออกทริป ให้คุณปรับให้ตรงสไตล์ได้สบาย ๆ 🛞✨
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list