เวลาขับช่วง 60–100 กม./ชม. แล้วได้ยินเสียง หอนยาว ฮึ่มๆ ต่อเนื่อง เข้าห้องโดยสาร โดยเฉพาะบนพื้นคอนกรีตหรือถนนหยาบ นั่นคือสัญญาณว่า “ระบบสัมผัสระหว่างหน้ายางกับพื้นถนนมีความผิดปกติ” บางครั้งเกิดจากตัว ยาง เอง แต่บางครั้งมาจาก ชิ้นส่วนรอบล้อ (เช่น ลูกปืนล้อ) ซึ่งต้องแยกให้ชัดก่อนซ่อม/เปลี่ยนจะได้ไม่เสียเงินผิดจุด
สาเหตุยอดฮิตของเสียงหอน
- ยางสึกเป็นลอน (Cupping/Feathering)
เกิดจากการสึกไม่สม่ำเสมอบนหน้ายาง ผลจากโช้คอัพอ่อน ศูนย์ล้อเพี้ยน หรือไม่ได้สลับยางตามระยะ → เมื่อหน้ายางที่ไม่เรียบปะทะพื้น จะเกิดเสียงหอนตามรอบการหมุน - แรงดันลมยางไม่เหมาะสม
ลมอ่อนเกินไป → ยางแบะ พื้นสัมผัสกว้าง เสียงเสียดสีมาก
ลมแข็งเกินไป → หน้ายางกระแทกพื้นแข็ง เกิดเสียงสะท้อนชัด - ลายดอกยางไม่เหมาะกับงาน
ยางสปอร์ต/ยางลุย (AT/MT) บล็อกดอกใหญ่และห่าง ยึดเกาะดีแต่จะ “ดัง” กว่ายางทัวริ่งที่เน้นความเงียบ โดยเฉพาะบนพื้นผิวหยาบ - ศูนย์ล้อเพี้ยน
มุม Camber/Toe ไม่ถูกต้อง ทำให้แรงกดลงหน้ายาง偏ไปด้านใดด้านหนึ่ง → เกิดการสึกและเสียงตามมา - ลูกปืนล้อเริ่มสึก (กรณีไม่ใช่ยาง)
เสียงจะ “หึ่ง” หนักขึ้นตามความเร็ว และยังดังตอน “ปล่อยคันเร่ง” ด้วย หากเลี้ยวแล้วเสียงเปลี่ยนหรือดังขึ้น อาจชี้ไปที่ลูกปืนล้อ
เช็กยังไงให้รู้ว่า “ยาง” หรือ “อย่างอื่น”?
ใช้วิธีแยกสาเหตุแบบบ้าน ๆ แต่ได้ผล:
- A/B Test ย้ายตำแหน่ง: สลับยางหน้า ↔ หลัง
→ ถ้าเสียงย้ายตามล้อ = ปัญหามาจาก “ยาง” มากกว่า - ทดสอบที่ความเร็วคงที่: 80–100 กม./ชม. ทางตรงเรียบ
→ ถ้าเร่ง/ผ่อนแล้วเสียงไม่เปลี่ยนมาก = มักมาจากยาง/ลายดอก
→ ถ้าเสียงขึ้นตามรอบล้อและ “เลี้ยวแล้วดังขึ้น/เบาลง” = สงสัยลูกปืนล้อ - คลำดอกยางด้วยมือ: ลูบตามทิศทางการหมุน
→ ถ้าสะดุดเป็น “ฟันเลื่อย” = สึกเป็นลอน (ต้องสลับ+ตั้งศูนย์+เช็กโช้ค)
วิธีแก้ให้เงียบลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ขั้นที่ 1: ดูแลพื้นฐานก่อน
- ตั้งแรงดันลมยางตามสติ๊กเกอร์ประตู/คู่มือรถ (ตรวจเดือนละ 1–2 ครั้ง)
- สลับยางทุก 8,000–10,000 กม. เพื่อกันสึกเป็นลอน
- ตั้งศูนย์ล้อ เมื่อมีอาการรถดึง/พวงมาลัยไม่ตรง/สึกผิดปกติ
ขั้นที่ 2: ฟื้นฟูกรณีมีการสึก
- ถ้าสึกเป็นลอนมาก → เปลี่ยนตำแหน่ง + ตั้งศูนย์ + เช็ก/เปลี่ยนโช้คอัพ
- ถ้าดอกเหลือน้อยกว่า ~3 มม. หรืออายุยางมาก → เตรียมเปลี่ยนยางใหม่
ขั้นที่ 3: เลือกยางให้ “ตรงงาน”
- ใช้ถนนเมือง–ทางด่วน เน้นความเงียบ → เลือกยางทัวริ่ง/คอมฟอร์ต
- รถลุย/ยกสูง วิ่งทางฝุ่น–หิน → เลือก AT/MT (ยอมรับเสียงเพิ่มตามธรรมชาติ)
- ล้อใหญ่แต่งซิ่ง → ต้องเน้นยางโครงสร้างแข็งแรงและบาลานซ์ดี
แนะนำรุ่น NITTO ตามการใช้งาน (จากไลน์อัปที่มีในไทย)
- NT860 – ยางทัวริ่งสำหรับรถเก๋ง เน้นนุ่มเงียบ เหมาะกับการใช้งานในเมืองและทางด่วน
- NT421Q – สำหรับ SUV/CUV ที่ต้องการความเงียบและความสบายในห้องโดยสาร
- NT420 SD – ยางสไตล์สปอร์ตสำหรับ SUV/ล้อใหญ่ ให้ความมั่นคงพร้อมคุมเสียงได้ดี
- Ridge Grappler / Trail Grappler M/T / Mud Grappler – สำหรับสายลุย (ทราบไว้ว่า “จะดังกว่า” บนทางเรียบเป็นธรรมชาติของลายดอก)
เคล็ดลับ: ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน บาลานซ์ล้อและตั้งศูนย์ ให้เป๊ะตั้งแต่วันเปลี่ยนยาง ช่วยลดเสียง–ลดสึกได้จริง
เช็กลิสต์สั้น ๆ ก่อนสรุป (เก็บไว้ใช้หน้าอู่)
- ลมยางตามสเปกทั้ง 4 ล้อ
- ตรวจการสึกเป็นลอน/ฟันเลื่อย ด้วยการลูบดอกยาง
- สลับยางตามระยะล่าสุดเมื่อไหร่?
- ตั้งศูนย์ล้อ + ถ่วงล้อ ล่าสุดเมื่อไหร่?
- ทดสอบเลี้ยวซ้าย–ขวาเบา ๆ ที่ความเร็วคงที่ → เสียงเปลี่ยนไหม (เผื่อลูกปืนล้อ)
สรุป
เสียง “หอน” ต่อเนื่องจากล้อ/ยาง ไม่ใช่เรื่องปกติถ้าเกิดตลอดเวลาและดังขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่แก้ได้ด้วย ลมยางที่ถูกต้อง + สลับยาง + ตั้งศูนย์ + ตรวจช่วงล่าง และถ้าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง เลือกรุ่นที่ “ตรงลักษณะการใช้งาน” จะช่วยให้รถเงียบขึ้นอย่างชัดเจน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list