หลายคนสงสัยว่า...
“ยางยังไม่สึก ทำไมต้องเปลี่ยน?”
“ใช้แค่ขับในเมือง ไม่ค่อยวิ่งไกล จะเปลี่ยนทำไมให้เปลือง?”
ความจริงคือ อายุยาง เป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ไม่ใช่แค่ดอกยางเหลือหรือไม่ มาดูเหตุผลที่ควรรู้กันครับ
🔍 ทำไมยางที่เกิน 5 ปี ถึงเสี่ยง?
- เนื้อยางแข็งและสูญเสียความยืดหยุ่น
→ ทำให้เกาะถนนได้น้อยลง โดยเฉพาะตอนฝนตก - เกิดรอยแตกร้าวเล็ก ๆ (Cracking)
→ แม้ยังไม่เห็นชัด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการรั่วหรือระเบิด - โครงสร้างภายในเสื่อมสภาพ
→ ไม่สามารถทนแรงกดหรือแรงร้อนสะสมได้เหมือนยางใหม่ - เสียงดังและการขับขี่ไม่สบายขึ้น
→ ยางแข็งทำให้รู้สึกกระด้างและสั่นสะเทือนมากกว่าเดิม
✅ วิธีเช็กอายุยางง่าย ๆ
- ดูรหัส DOT บนแก้มยาง → ตัวเลข 4 หลักท้าย เช่น 2419
- 24 = สัปดาห์ที่ผลิต
- 19 = ปี 2019
- หากเกิน 5 ปี ควรเริ่มพิจารณาเปลี่ยน
- หากเกิน 7 ปี → แนะนำให้เปลี่ยนทันทีแม้ดอกยังเหลือ
🛠 แนวทางสำหรับคนที่ยังไม่อยากเปลี่ยน
- ตรวจสภาพยางอย่างละเอียดทุก 6 เดือน
- เติมลมตามมาตรฐานเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดผิดปกติ
- หลีกเลี่ยงการขับเร็ว หรือบรรทุกหนัก หากยางมีอายุเกิน 5 ปีแล้ว
🛞 NITTO รุ่นแนะนำเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน
- NT860 – สำหรับรถเก๋งทั่วไป ขับนุ่ม ประหยัดน้ำมัน
- NT421Q – SUV/CUV ที่ต้องการความนุ่มเงียบและปลอดภัย
- NT555 G2 – สำหรับผู้ที่ชอบสมรรถนะและการควบคุมแม่นยำ
🧠 สรุป:
ยางอาจดูดีจากภายนอก แต่โครงสร้างภายในอาจเสื่อมสภาพไปแล้ว
หากเกิน 5 ปี ควรตรวจละเอียด และเตรียมเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย
อย่าลืมว่า ชีวิตมีค่ามากกว่ายาง 4 เส้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list