เคยไหม? ขับรถอยู่ดี ๆ แล้วไปเจอ “ตุ่มบวม” โผล่ขึ้นตรงแก้มยาง
หลายคนไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร และสงสัยว่า “ยังขับต่อได้ไหม?”
หรือ “ต้องเปลี่ยนทันทีเลยหรือเปล่า?”
มาทำความเข้าใจเรื่อง ยางบวม ให้ชัดก่อนที่ความเสี่ยงจะกลายเป็นอันตรายถึงชีวิต
🔍 สาเหตุที่ทำให้ยางบวม
- แรงกระแทกอย่างรุนแรง
→ เช่น ขับตกหลุม, ขึ้นฟุตปาธเร็วเกินไป, หรือขับชนขอบถนนแรง ๆ
→ ทำให้โครงสร้างชั้นใน (Ply) ฉีกขาด แต่ยางชั้นนอกยังอยู่ → เกิดการบวม - แรงดันลมยางผิดพลาด
→ ลมน้อยเกิน ยางแบะ → เวลาเจอแรงกดจะเกิดแรงเฉือนในเนื้อยาง - ยางมีตำหนิจากโรงงานหรือเสื่อมสภาพจากอายุการใช้งาน
⚠️ ขับต่อได้ไหม?
ไม่ควรขับต่อเด็ดขาด!
เพราะบริเวณที่บวมคือจุดที่โครงสร้างอ่อนแอที่สุด → เสี่ยง “ยางระเบิด” ทันทีเมื่อเจอแรงกระแทก
โดยเฉพาะหากยางบวมด้านในที่มองไม่เห็นง่าย → อาจเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ทันตั้งตัว
🛠 แนวทางการรับมือ
- หากพบยางบวม → หยุดใช้ทันที และเปลี่ยนใหม่โดยเร็ว
- อย่าเอายางบวมมาใช้เป็นยางอะไหล่
- ตรวจสอบยางอีก 3 เส้นว่าเกิดปัญหาหรือไม่ (โดยเฉพาะล้อฝั่งเดียวกัน)
- ปรึกษาศูนย์บริการเพื่อเช็กสภาพช่วงล่างหรือล้อแม็กว่าบิดตัวหรือไม่
🛞 NITTO มีรุ่นโครงสร้างแข็งแรง ลดความเสี่ยงยางบวมจากแรงกระแทก
- NT421Q → สำหรับ SUV และ CUV ที่ใช้ขับทางไกล ลุยพื้นขรุขระบ่อย
- NT860 → รองรับการใช้งานในเมือง–นอกเมือง ลดแรงสะเทือนบริเวณแก้ม
- NT420 SD → แก้มยางเสริมพิเศษ เหมาะกับล้อแม็กใหญ่และรถโหลด
🧠 สรุป:
ยางบวมไม่ใช่เรื่องเล็ก! มันคือสัญญาณว่าโครงสร้างยาง “เสียหาย” และอาจระเบิดได้
หากเจอยางบวม ไม่ควรรอให้เสียงดัง หรือรอให้แตก → เปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list