เช็กก่อนตัดสินใจว่าเสี่ยงจริงหรือแค่เลือกยางไม่เหมาะ
ฝนตกทีไร รถรู้สึก “ลื่น ไถล เบรกยาว” ทั้งที่ขับช้าแล้ว
หลายคนสงสัยว่า “ยางหมดหรือยัง?” / “ต้องเปลี่ยนยางไหม?”
ความจริงคืออาการลื่นเวลาเจอฝนอาจเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่แค่ดอกยางหมดเสมอไปครับ
🔍 สาเหตุที่ทำให้รถลื่นในฝน
- ดอกยางตื้นหรือใกล้หมด
- ดอกยางคือช่องระบาย “น้ำ” บนถนน ถ้าตื้นจะรีดน้ำไม่ทัน → เกิดอาการ “เหินน้ำ (Hydroplaning)”
- ยางรุ่นที่ไม่เหมาะกับถนนเปียก
- ยางบางรุ่นออกแบบเน้นใช้งานทางเรียบหรือทางแห้ง หากใช้งานผิดประเภทจะเสี่ยงลื่นทันทีเมื่อฝนตก
- แรงดันลมยางผิด
- ลมน้อยเกินไป → หน้ายางบวม รีดน้ำยาก
- ลมมากเกินไป → หน้ายางไม่สัมผัสถนนเต็มที่
- ความเร็วในช่วงที่ถนนลื่น
- ขับเร็วเกินไปโดยไม่รู้ว่าถนนมี “คราบน้ำมัน + ฝุ่นผสม” เสี่ยงลื่นกว่าปกติในช่วงต้นฝนตกใหม่ ๆ
✅ เช็กยังไงว่าควรเปลี่ยนยางหรือยัง?
- วัดความลึกดอกยาง: น้อยกว่า 3 มม. ควรเปลี่ยน
- เช็กปีผลิต: เกิน 5 ปี ควรพิจารณาเปลี่ยน แม้ดอกยังเต็ม
- สังเกตพฤติกรรมรถ: เบรกยาว / เข้าโค้งแล้วท้ายปัด / รู้สึกหน้าลอย
🛞 ยาง NITTO รุ่นที่แนะนำสำหรับฝนตกบ่อย
- NT860 → ดอกยางรีดน้ำดี เหมาะกับรถเก๋งใช้งานในเมืองและทางไกล
- NT555 G2 → สปอร์ตแต่เกาะถนนเปียกได้ดี ด้วยร่องกลางคู่และลายดอกออกแบบพิเศษ
- NT421Q → สำหรับ SUV/CUV ที่เน้นความนุ่มเงียบและมั่นใจในทุกสภาพอากาศ
🧠 สรุป:
รถลื่นเวลาเจอฝน อาจไม่ได้ต้องเปลี่ยนยางทันที
แต่อาจต้องเปลี่ยน “วิธีเลือกยาง” หรือ “เช็กสภาพยาง” อย่างละเอียด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list