สาเหตุที่หลายคนมองข้าม และวิธีป้องกันไม่ให้ต้องเปลี่ยนยางก่อนเวลา
เคยไหม? ตรวจเช็คยางแล้วพบว่า
ล้อหน้าดอกหายเกือบหมด แต่ล้อหลังยังเต็ม
หรือฝั่งซ้ายสึกมากกว่าฝั่งขวาแบบเห็นได้ชัด
ปัญหา “ยางสึกไม่เท่ากัน” ไม่เพียงแค่ทำให้สิ้นเปลืองเงิน แต่ยังส่งผลต่อ การทรงตัวและความปลอดภัย ขณะขับขี่ด้วย
- ไม่ได้สลับยางตามระยะเวลา
→ ยางแต่ละล้อรับภาระไม่เท่ากัน เช่น รถขับหน้า = ยางหน้าสึกเร็วกว่า - ศูนย์ล้อไม่ตรง / มุมล้อเอียงผิดปกติ
→ ทำให้ยางด้านใดด้านหนึ่งสัมผัสพื้นผิดองศา - โหลดของหนักด้านเดียว / น้ำหนักไม่สมดุล
→ ส่งผลให้ยางด้านนั้นรับแรงกดมากกว่าปกติ - ขับขี่ในพื้นที่ที่มีความโค้งของถนนสูง (Crown Road)
→ ยางด้านซ้ายอาจสึกไวกว่าโดยเฉพาะในประเทศไทยที่ขับชิดซ้าย
- สลับยางทุก 10,000 กม. หรือทุก 6 เดือน
- ตั้งศูนย์ล้อ (Wheel Alignment) ทุกครั้งหลังเปลี่ยนยาง หรือเจอปัญหาทิ้งพวงมาลัยแล้วรถเบี้ยว
- ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ เพื่อให้ยางสึกสม่ำเสมอ
- หากเปลี่ยนยางเพียงบางเส้น ให้จัดตำแหน่งเหมาะสม (ยางใหม่ไว้หลัง)
- ยางรุ่นอย่าง NT860 และ NT421Q มีโครงสร้างแข็งแรง ช่วยคงรูปทรงยางและลดการสึกแบบเฉียง
- ดอกยางแบบ ไม่สมมาตร (Asymmetric) อย่างใน NT555 G2 ช่วยกระจายแรงกดได้ดีกว่าดอกทั่วไป
- โครงสร้างรองรับการตั้งศูนย์แม่นยำ รองรับการถ่วงและบาลานซ์ได้เต็มประสิทธิภาพ
ยางสึกไม่เท่ากันไม่ใช่เรื่องเล็ก!
ถ้าปล่อยไว้โดยไม่แก้ อาจต้องเปลี่ยนยางเร็วกว่าที่ควร
และที่สำคัญกว่านั้นคือ เสี่ยงต่อความปลอดภัยในการขับขี่
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list