รู้จัก "อายุของยาง" ก่อนจะเสี่ยงขับต่อโดยไม่รู้ตัว
หลายคนใช้ยางชุดเดิมมานาน แต่ไม่แน่ใจว่า "ยังปลอดภัยอยู่ไหม?"
เพราะดอกก็ยังเต็ม ยางก็ไม่แบน ยังใช้งานได้ตามปกติ...
แต่รู้ไหมว่า “อายุของยาง” มีผลต่อ ความปลอดภัย มากกว่าที่ตาเห็น!
🕵️♂️ ยางเก่าเกินไป...เสี่ยงอะไรบ้าง?
- เนื้อยางแข็งตัวมากขึ้น
→ ทำให้เกาะถนนน้อยลง เบรกแล้วลื่น หรือท้ายปัดง่ายขึ้น - ความยืดหยุ่นลดลง
→ เจอแรงกระแทกหนัก ๆ เช่น หลุมหรือคอสะพาน อาจทำให้แก้มยางแตกได้ง่าย - โครงสร้างภายในเสื่อมโดยไม่รู้ตัว
→ โดยเฉพาะรถที่จอดตากแดดบ่อย หรือไม่ค่อยได้ขับ - อายุการใช้งานของยางที่หมดอายุอาจไม่แสดงออกทันที
→ แต่จะเสื่อมแบบเงียบ ๆ จนถึงวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดคิด
📅 วิธีเช็กอายุยางด้วยตัวเอง
- ดูรหัส DOT ที่แก้มยาง เช่น 4019 = ผลิตสัปดาห์ที่ 40 ของปี 2019
- หากเกิน 5 ปี แล้ว ควรเริ่มวางแผนเปลี่ยน ไม่ว่าดอกจะยังเต็มก็ตาม
- ยางที่ใช้งานทุกวัน ควรเปลี่ยนเมื่อครบ 40,000–60,000 กม. หรือ 4–5 ปี แล้วแต่การใช้งาน
🛞 ถ้าต้องเปลี่ยน ควรเลือกยางแบบไหนดี?
- เน้นความปลอดภัย + การยึดเกาะ → NT860, NT421Q
- ถ้าวิ่งทางไกลบ่อย → ยางที่มีโครงสร้างทนร้อน เช่น NT420 SD
- ถ้าอยากนุ่มเงียบ → SPF หรือ NT860 คือคำตอบ
✅ สรุป:
“ยางไม่ใช่แค่ดอกเต็ม = ยังดี”
แต่ต้องดูว่า “เนื้อยาง โครงสร้าง และอายุการผลิต” ยังไว้ใจได้อยู่หรือเปล่า
การเปลี่ยนยางที่อายุเกิน 5 ปีคือการลงทุนในความปลอดภัยของคุณและคนในรถ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่าย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NITTO ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nittotire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nittotire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nittotire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nittotire.in.th/news/list